NVIDIA GeForce 3D Vision - เปิดประสบการณ์ใหม่ในโลกแห่งเกม 3 มิติ

เขียนโดย samhustle on 20:11 ความคิดเห็น (0)



ภาพกราฟิก 3 มิติในเกมที่เราๆ ท่านๆ เล่นกันอยู่เวลานี้นั้นก็เรียกได้ว่าสวยงามและสมจริงสุดๆ แล้ว อย่างเช่น เกม Crysis, Assassin’s Creed, Gears of War, Mirror’s Edge หรือเกมอื่นๆ อีกมากมาย แต่ว่าภาพกราฟิกของเกมเหล่านี้ยังเป็นกราฟิก 3 มิติแบบแบนๆ ที่อยู่บนจอ LCD เท่านั้น


NVIDIA ผู้นำเทคโนโลยีทางด้านกราฟิกการ์ดได้กำเนิดเทคโนโลยีทางด้านภาพกราฟิกของเกมขึ้นมาใหม่คือ NVIDIA GeForce 3D Vision ซึ่งจะนำผู้เล่นเกมไปพบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ในโลก 3 มิติในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยระบบ 3D Vision ซึ่งจะเป็นภาพ 3 มิติอย่างแท้จริง ภาพกราฟิกทุกอย่างในเกมจะมีความนูน ลึก และมิติที่สมจริงจนยากที่จะอธิบายเป็นคำพูดเลยล่ะครับ


อุปกรณ์เวทมนตร์ของ GeForce 3D Vision
การที่จะเนรมิตภาพกราฟิกให้พุ่งทะลุออกมาจากจอ LCD เหมือนอย่างในโรงหนัง IMAC นั้นต้องมีอุปกรณ์เข้าช่วย อย่างแรกที่ต้องมีคือชุดแว่นตาของ NVIDIA GeForce 3D Vision ซึ่งในกล่องจะมีแว่นตาพิเศษที่เวลาเล่นเกมต้องสวมใส่ และมีอุปกรณ์รูปทรงพีระมิดไว้ส่งสัญญาณอินฟราเรดเพื่อควบคุมการทำงานของแว่นตา อย่างที่สองคือจอ LCD ที่รองรับอัตราการ Refresh Rate ถึง 120 Hz (ถ้าเป็นจอ CRT ต้องมี Refresh Rate มากกว่า 100 Hz ขึ้นไป) และอย่างสุดท้ายคือกราฟิกการ์ดของ NVIDIA ตั้งแต่ซีรีส์ 8 ขึ้นไปครับ


GeForce 3D Vision ทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของ 3D Vision นั้นเหมือนกับการดูภาพนิ่งหรือภาพวิดีโอ 2 ภาพพร้อมๆ กัน ที่เวลาดูผู้ชมต้องเหล่ตาเข้าหากัน เพื่อให้ได้ภาพที่ปรากฏออกมาเป็น 3 มิติ แต่การมองภาพแบบเหล่ตาไม่ใช่งานง่ายๆ ที่จะทำได้ทุกคน นอกจากนี้การถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอแบบ 3 มิตินั้นต้องถ่ายมาจากกล้องแบบพิเศษที่มีเลนส์ 2 ตัว ที่วางคู่กันเหมือนตาของมนุษย์ (หรือกล้อง 2 ตัววางคู่กัน) แล้วบันทึกภาพในเวลาเดียวกัน ซึ่งยากและต้นทุนสูงมากๆ ครับ
แต่เมื่อนำเทคนิคนี้มาใช้ในเกม NVIDIA ทำให้มันง่ายกว่านั้นเยอะ เมื่อกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce เรนเดอร์เกมที่รองรับ GeForce 3D Vision ไดรเวอร์ Forceware จะเรนเดอร์ภาพในเกม 1 เฟรม เป็น 2 ภาพ ที่มีมุมของกล้องต่างกันเล็กน้อย เสมือนกับตาซ้ายและขวาของมนุษย์ที่อยู่คนละตำแหน่งกัน โดยเรนเดอร์ภาพหนึ่งสำหรับตาซ้าย และอีกภาพหนึ่งสำหรับตาขวา แต่เพียงเท่านี้มันยังไม่ทำให้เราเข้าสู้โลก 3 มิติที่แท้จริงได้ ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายก่อนที่ภาพเข้าสู่ลูกตากลมๆ ของเราทั้งสองนั้นต้องผ่านแว่นตาพิเศษก่อน ซึ่งแว่นตานี้จะมีเลนส์พิเศษที่เรียกว่า Liquid Crystal Shuttered Glasses ระบบเลนส์นี้จะทำหน้าที่เปิดและปิดเลนส์ของแว่นตาทั้งด้านซ้ายและขวาสลับกัน เพื่อให้พอดีกับภาพที่ส่งมายังจอ LCD อย่างพอดิบพอดี และระบบเลนส์นี้จะทำงานด้วยความเร็วสูงมากเป็นสิบๆ ครั้งต่อวินาที ซึ่งเร็วเกินกว่าที่มนุษย์จะมองเห็นได้


ด้วยเทคโนโลยีจาก GeForce 3D Vision นี้จะเป็นผลให้เรามองเห็นภาพสำหรับตาซ้ายและตาขวาสลับกันอย่างรวดเร็ว จนเกิดเป็นภาพ 3 มิติที่มีความตื้นลึกสมจริงอย่างน่าอัศจรรย์ และเราก็ไม่จำเป็นต้องนั่งเพ่งเหล่ตาที่จอให้เมื่อยอีกต่อไปครับ สุดยอดมั้ยล่ะ?

หาซื้อได้หรือยัง?
ปัจจุบันทาง NVIDIA ได้วางขายแว่นตา GeForce 3D Vision แล้ว โดยสนนราคาอยู่ที่ประมาณ 7,200 บาท หากอยากได้เป็นชุดแว่นพร้อมจอ LCD Samsung SyncMaster 2233RZ 22 นิ้ว 120 Hz จะขายยกชุดในราคาประมาณ 21,600 บาท (-*-) และถ้าหากแยกซื้อจอต่างหากราคาจะตกอยู่ที่ 14,000 บาท ในตลาดตอนนี้จอ LCD 120 Hz จะมีของ Samsung อยู่เจ้าเดียวคือตัวที่ได้บอกไปเมื่อกี้นี้แหละครับ

สรุป

และนี่คือเทคโนโลยีใหม่ของกราฟิกอันสวยงามบนโลกของเกมพีซีที่ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น เป็นการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ NVIDIA ที่มักคิดอะไรใหม่ๆ มาให้เราได้เล่น (เสียตังค์) กันอยู่เรื่อยๆ ผมเห็นแล้วอยากจะลองเล่นดูสักครั้งว่าจะสมจริงขนาดไหน (เห็นเขาบอกกันว่าเล่นกับ Left 4 Dead แล้วเนียนและน่าขนลุกมากกกก) แต่ราคาก็แพงเอาการเพราะการอัพเกรดจอ LCD เป็น 120 Hz บวกกับแว่นอีกอัน รวมกันเป็นราคา 2 หมื่นกว่า ก็แพงเหมือนกันนะ หวังว่าในอนาคตคงจะถูกลงกว่านี้ แต่ก็เอาเถอะถือว่าแลกกับเทคโนโลยีใหม่มันก็น่าลองไม่น้อยเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ” สุดท้ายนี้ถ้าเราได้รับชุดแว่นกับจอมาลองเล่นกันเมื่อไรเราจะรีบเอามาโม้ให้ฟังแน่นอนครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

ภาพจาก http://www.bit-tech.net/

ที่มาบางส่วนจาก http://www.overclockzone.com/

รวม 10 สุดยอดรถในภาพยนต์ทั้งสวยและไฮเทค !!!

เขียนโดย samhustle on 08:07 ความคิดเห็น (0)

เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับเรื่อง IT เสียเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นอะไรที่ดูไฮเทคน่าสนใจดี ถือว่ามาผ่อนคลาย ก็เลยนำมาให้ชมกันครับ มีเว็บไซด์ตางประเทศได้รวบรวม 10 สุดยอดรถที่ใช้ในภาพยนต์ มาให้ชมกัน รถทั้งหมดนี้บางรุ่นก้มีจำหน่ายจริงและเอามาดัดแปลงเพิ่มเติมเข้าไป แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีจำหน่ายจริงเสียมากกว่า เป็นการออกแบบมาเพื่อใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์โดยเฉพาะ แต่ทั้งหมดนี้ก็สามารถใช้งานได้จริง วิ่งได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพกราฟิกการ์ดเท่านั้น ลองไปชมกันครับว่ามีรถรุ่นไหนจากภาพยนต์เรื่องใดกันบ้าง บางร่นอาจจะดูเก่าไปหน่อยตามยุคสมัยของภาพยนต์ครับ


Batmobile (The Tumbler) จากภาพยนต์เรื่อง Batman Begins (2005) และ The Dark Knight (2008)



Lexus 2054 จากภาพยนต์เรื่อง Minority Report (2002)



DeLorean time machine จากภาพยนต์เรื่อง The Back to the Future Trilogy (1985-1990)



Land Rover 101 Forward Control จากภาพยนต์เรื่อง Judge Dredd (1995)



Bumblebee (Chevrolet Camaro - 5th Generation) จากภาพยนต์เรื่อง Transformers (2007) and Transformers: Revenge of the Fallen (2009)



Batmobile จากภาพยนต์เรื่อง Batman (1989) and Batman Returns (1992)



Aston Martin DB5 จากภาพยนต์เรื่อง James Bond: Goldfinger (1964)



KITT (1982 Pontiac Firebird Trans Am)จากภาพยนต์เรื่อง Knight Rider (1982)



Ecto-1 (Cadillac Miller-Meteor)จากภาพยนต์เรื่อง Ghostbusters (1984)



Audi RSQ จากภาพยนต์เรื่อง I Robot (2004)

ดูแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ชอบคันไหนมากที่สุด สำหรับผมชอบ Batmobile (The Tumbler) จากภาพยนต์เรื่อง Batman Begin และ The Dark Knight ครับ สาเหตุที่ผมชอบมันมากๆ เพราะมันลุยดีจริงๆ คงเหมาะกับถนนบ้านเราดี และภาพยนต์เรื่อง Dark Knight ก็เป็นภาพยนต์ในดวงใจผมด้วยครับ




ที่มา : digitaltrends.com

เรื่องของ Mouse ที่ไม่ใช่หนู

เขียนโดย samhustle on 21:22 ความคิดเห็น (2)



หลังจากทำความสะอาดพื้นที่เรียบร้อยกันไปแล้ว มาิอ่านผมบ่นๆอะไรหน่อยดีกว่า(ก็เรื่องของวันนี้แหละ) บทความนี้ ชิล ชิล นะ ไม่ต้องเครียด อ่านไปเรื่อยๆ อ่านไป Chat ไป อ่านไป กินหนมไปก็ได้ อ่านไม่จบอีกสามวันแวะมาอ่านต่อก็ยังได้ เอ้ย .. ไม่ช่ายแระ ยังไงก็ขอให้อ่านเถอะครับ บทความดีมีประโยชน์อ่านแ้ล้วไม่เปลืองพื้นที่ในสมองแน่นอน ครั้งนี้มีผมเอาเรื่องเม้าส์ทูเม้าส์มาให้อ่านกันครับ(เม้าส์ทูเม้าส์ ไม่ใช่ เม้าท์ทูเม้าท์นะ ใครคิดแบบที่ผมคิดคนนั้นลามก อิอิ) เอาหละ โม้ไปโ้ม้มาไม่เข้าเรื่องซะที(แบบว่ามันอยากพิมพ์อะ มีรายป่ะ ^^) เข้าเรื่องก็ได้ เดี๋ยวบางคนจะงอนเอาเม้าส์ไปคลิ๊กที่เครื่องหมาย X ที่มุมจอบนขวา กลายเป็นบทความขายไม่ออกไปซะอีก (เอ้า ร่ายอยู่นั่นแหละ เข้าเรื่องๆ เข้าเรื่องๆ )




เรื่องของคราวนี้ว่ากันเรื่องหนูๆ (ไม่ใช่น้องๆนู๋ๆนะ) หนูที่ว่าก็เม้าส์ที่ใช้คลิ๊กๆ หรือ กิ๊กๆ นั้นแหละ คำถามครับ! ในชีวิตนี้ตั้งแต่เกิดมาเคยใช้เม้าส์ราคาแพงสุดราคาเท่าไร? และถูกสุดราคาเท่าไร? บางคนแแอบกระซิบว่า ไม่รู้ดิ ไม่เคยซื้อ จิ๊กมาจากร้านตี rag ปากซอย อ้าว ! .. งี้ก็ ตำรวจจจจจจ โปนจ้น เอ้ย โจรปล้นเม้าส์อยู่นี่ครับ แฮะๆๆ แต่บางคนบอกผมว่าไม่เคยซื้อเลย ปีใหม่ทีไรฉับฉลากแลกของขวัญที่บริษัทได้เม้าส์มาใช้ทุกปี ตอนนี้กองเต็มหลังบ้านแล้ว = =" วุ้ย นี่จะไม่มีใครที่ซื้อเม้าส์ใช้เองมาตอบเลยเหรอ ว่าแล้วก็มีแสงเปล่งประกายออกมาจากหลังจอ หนูค่ะ เคยซื้อเม้าส์ตัวละ 70 บาทถูกสุดนะ แล้วแำพงสุดอะคร๊าบบบบ (สาวๆมาตอบคำถามเริ่มทำตัวมีหูมีฝาอีกแระ ^^") แพงที่สุดก้าา 120 บาทค่ะ ... โห น้อง ครับขอบคุณมากครับ ไปล้างมุ้งลวดไป๊ .... เฮ้อ ท่าทางจะไม่ได้เรื่องเลย เล่าเอง ตั้งเอง ชงเอง ตบเองดีกว่า หนุกหนานพอกัน



เคยสงสัยก็มั๊ยครับว่าเม้าส์ราคา 70 บาทกับราคา 1500 บาทเนี๊ยะมันต่างกันยังไง ? ... พี่ pod หนูตอบได้คร่ะ ! เสียงไม่ค่อยเหมือนผู้หญิงเลย หันไปมอง เฮ้ย .. อ้ายเต้นี่หว่า(ปายๆๆๆ อย่ามายุ่งแถวนี้ แถวนี้เม้าส์นะไม่ใช่ power amp ไม่ต้องเพิ่ม C ให้ไฟเรียบ อย่ายุ่งๆ)เข้าเรื่องต่อครับ นอกจากวัสดุภายนอกที่แตกต่างกันแล้ว เรื่องความสวยงามของเม้าส์บางครั้งก็ขึ้นอยู่กับราคาเหมือนกัน แน่นอนว่าเม้าส์แพงๆน่าจะมีอะไรๆที่ทำให้มันแพงกว่าชาวบ้านเค้าอย่างแน่นอน แต่ไม่ได้หมายถึงฝังเพชรประดับมุกบนตัวเม้าส์นะ ว่าไปว่ามาวนเวียนแฮะ



เล่าประสบการณ์ตรงให้อ่านกันหน่อยแล้วกัน ในฐานะที่ผมเป็นที่รักของเพื่อนๆ(เวลาจะซื้อคอมอะ เพื่อนโคดรักเลย) จากประสบการณ์จับจ่ายข้าวของ(ให้คนอื่น)ในพันทิพย์พลาซ่า ผู้ซื้อคอมพิวเตอร์จำนวนไม่น้อยเลยไม่ให้ความสำคัญกับเม้าส์ เวลาประกอบคอมฯเครื่องนึงผมจะถามคนที่ไปด้วยว่าจะเอาเม้าส์ของอะไร ยี่ห้อนี้ 380 บาท อันนี้ 850 บาท แล้วนั่นก็ 1500 บาท ... เสียงที่ได้ยินหลังบอกราคาเม้าส์ไป .... เฮ้ย .. เม้าส์หรือการ์ดจอฟร่ะ ทำไมแำพงงั้น ไฮโซเกินไป เอาถูกๆก็ำพอ 70 - 80 บาทก็เล่นได้แล้ว = =" เป็นอย่างงี้แหละครับ ส่วนใหญ่จะเอาเงินไปทุ่มกับอย่างอื่นซะมากกว่าที่คิดถึงอุปกรณ์ที่เราใช้เวลากุมมันอยู่แทบจะตลอดเวลาที่ใช้คอมฯ(ยกเว้นพิมพ์งาน) ที่เจอมาแล้วบอกไม่ถูกเลยก็คือมีรายนึุงซื้อคอมฯราคา 4 หมื่นกว่าบาท เรียกว่าหรูเอาการทีเดียว แต่นั้นแหละครับ เม้าส์ที่ใช้กับคอมฯ 4 หมื่นก็ราคา 70 บาท -*- เครียดกันไปสามวันเลยทีเดียว นี่แหละครับตัวอย่างของคนรวยที่มีตังซื้อ PC เครื่องละ 4 หมื่น แต่กลับไม่สนใจเม้าส์ที่ราคาเกิน 100 บาท ยังมีอีก...



รายล่าสุด รายนี้ notebook ครับ(ยี่ห้อไม่ขอระบุ) รายนี้ถอย notebook ใหม่เอี่ยมด้วยราคา 6 หมื่นกว่าบาท แต่ด้วยที่ว่าเค้า(เค้าคือ notebook ยี่ห้อนั้น)ไม่ได้แถมเม้าส์มาให้ ประกอบกับความที่กระแดะอยากเล่น notebook ของเจ้าของ แต่ดันใช้ touchpad ไม่เป็น ก็เลยจำเป็นต้องดั้นด้นเจียดเงินจำนวนหนึ่งเพื่อซื้อเม้าส์(ออปติคอล)มาใ้ช้ตัวนึง ก็เเห็นเจ้าตัวโม้นักโม้หนาว่าซื้อ notebook มาใช้ โม้กันสามบ้านแปดบ้าน ไอผมก็อยากรู้อยากเห็นอยู่เป็นทุนเดิมแล้วก็เลยสนองให้ หนายๆๆ ดูหน่อยดิ ซื้อของไรมา .... อื่อๆ ก็ดีีนะ (หมายถึง notebook อะดี) พอเหลือบไปเห็นเม้าส์ ... โอว แม่เจ้า! เม้าส์หรือโรงลิเกฟร่ะนั่น ไฟที่ตัวเมาส์อะไรจะกระำพริบอลังการล้านแปดขนาดนั้น เลยแกล้งๆถามเจ้าของเครื่อง .. เอ้ยๆ .. เม้าส์อะ ซื้อที่ไหนอะ เท่าไร แปลกดีนะ ?? (แปลกคือไม่เหมือนชาวบ้านเค้า ชาวบ้านเค้าไม่ใช้กัน) .... อ๋อ ... เจ้าของเครื่องตอบอย่างภูมิใจในเม้าส์ของตัวเอง เม้าส์ตัวนี้นะซื้อมา 200 แหนะ ที่พันทิพย์อะ ... เหรอ (กล้าซื้อมาใช้ได้ไงฟร่ะ บ้านบ้านซะขนาดนี้ ไม่ได้เข้ากับ notebook มันเล๊ยยยย )



เม้าส์ ดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย ไม่น่าจะต่างกันมากมาย จ่ายแพงกว่าทำไม! ถ้าคิดอยู่แบบนี้และกำลังอ่านบทความนี้ก็มาถูกทางแล้วหละครับ ผมกำลังจะบอกว่าแท้จริงแล้วเม้าส์ที่ราคาแพงๆไม่ได้แพงเพราะ brand หรือ ความนิยม แต่มันหมายถึงคุณภาพของตัวเม้าส์เอง ผมก็เป็นคนๆนึงที่เคยไปนั่งฟังเพื่อนบรรยายสรรพคุณของเม้าส์ที่มันใช้อยู่ โดยที่มันภูมิใจเสนอคือซื้อมาด้วยราคา 70 บาทนี่แหละ .. มันก็บอกว่าเล่น CS มันส์อย่างนั้น แม่นอย่างนี้ คล่องอย่างโน้น .. มันจะแม่นยังไงฟระ ก็เห็นๆกันอยู่ตอนพิมพ์งาน เม้าส์วางอยู่เฉยๆ แค่ curser วิ่งผ่านหน้าไปซะงั้น แล้วเล่นเกมส์มันจะแม่นไงว้าาาาาาา หาาาาาาา! สุดท้ายพอนายเพื่อนผมคนนี้ได้ใช้เม้าส์ราคาเกือบๆพันบาทก็รู้ซึ้งถึงรสพระเม้าส์ เอ้ย รสพระธรรมที่แท้จริงของเม้าส์ดีๆ ต้องเจออย่างนี้ครับถึงจะเชื่อ ผมเชื่อหลายๆท่านที่อ่านความนี้บางท่านกำลังค้านบทความนี้อยู่ในใจเหมือนกัน ... ลองหาเม้าส์ดีๆมาใช้ดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าสวรรค์ในการใช้เม้าส์มีจริงๆนะ



เม้าส์ดีๆมักจะราคาสูงเป็นเรื่องธรรมดา เม้าส์มีรายละเอีัยดในตัวมันเองค่อนข้างมาก ตั้งแต่การออกแบบที่เข้ากับมือของผู้ใช้ได้ดีแค่ไหน ใช้แล้วไม่เกิดอาการปวดเมื้อย วัสดุที่ใ้ช้ทำทนทานแค่ไหน ทำความสะอาดยากหรือง่ายเวลาสกปรก น้ำหนักของตัวเม้าส์เองเหมาะสำหรับการใช้งานแค่ไหน ความฝืดของเม้าส์ขณะขยับมากน้อยแค่ไหน ล้วนอยู่ที่การออกแบบทั้งนั้น ที่บอกมานี่เป็นแ่ค่การออกแบบแค่ภายนอกเท่านั้นนะครับ ความแม่นยำของตัวเม้าส์ขณะใช้งาน การตอบสนองต่อการขยับ การกด การ scholl และอื่นๆที่เม้าส์ออปติคอลราคา 200 บาทเทียบเม้าส์ออปติคอลราคาเกือบๆ 1000 บาทได้ยาก



จับเม้าส์มาเม้าท์ เรื่องราวมีอยู่ว่าว่าตอนที่ผมซื้อ notebook เค้าก็แถมเม้าส์มาให้ตัวนึงเป็น MouseMan Traveler ของ Logitech จำได้ว่าตอนซื้อ notebook ใหม่ๆเม้าส์ตัวนี้ยังไม่มีขายในเมืองไทย แต่ตอนนี้น่าจะมีแล้ว คุ้นๆว่าราคาขายเคาะกันที่ 1500 บาท บางคนถึงกับอุทานเีสียงหลงกันเลยทีเดียวกับราคาเม้าส์เล็กๆตัวนึง จากที่ได้ใช้เม้าส์ Logitech ตัวที่แถมมาให้ระยะนึง(พักใหญ่ๆ)ก็ไม่สบอารมณ์กับการออกแบบติดเหลี่ยมติดมุม จะจับก็ไม่ค่อยจะคล่องไม่ถนัด แถมเวลาคลิ๊กก็มีเสียง "กริ๊กๆ" ที่ออกจะดังจนน่าเกลียด .. ยิ่งเวลาเอามันไปใช้งานในที่เงียบๆ(อย่างห้องสมุด)ด้วยแล้ว โต๊ะข้างๆแทบจะเอาหนังสือปาใส่หน้า ข้อหาเม้าส์ดังจนน่ารำคาญ -*- เมื่อมันทำให้การทำงานไม่คล่องตัวแถมยังทำให้ผมโดนสังคม(ในห้องสมุด)รังเกียจ เม้าส์ตัวใหม่อาจจะเป็นทางออกหนึ่งของผม ^-^V แล้วก็มาเจอเม้าส์ตัวเล็กๆ น่ารักๆ สีขาว ตัวนึงเป็นของ Microsoft โดนใจครับตัวนี้ เสียงคลิ๊กก็ไม่ดัง ออกแบบเข้ากับมือ เบากว่า คล่องตัวกว่า ก็เลยตัดใจซื้อมา ผลเป็นที่น่าพอใจ ใช้ง่าย เบา แล้วก็ยังคงความเป็น Microsoft อยู่เหมือนเม้าส์รุ่นก่อนๆ บางทีนะครับ เมาส์หรูๆ ดีไซน์เท่ห์ๆ แต่ใช้งานแล้วขัดใจก็มีนะ อย่าง Logitech ของผมไง



บทความนี้ไม่ได้ตั้งใจจะยุให้ซื้อเม้าส์ราคาแพงๆมาใช้งาน จริงแล้วแค่อยากจะมาบอกว่าเมาส์ดีๆตัวนึงให้ความราบรื่นและสร้างความสุขได้่ไม่ใช่น้อยเหมือนกัน เม้าส์ดีๆที่ว่าไม่จำเป็นว่าต้องราคา 1500 บาท แต่ก็ไม่ใช่ราคา 99 บาท ดีไม่ดีอยู่ที่ว่าสามารถตอบสนองการใช้ของผู้ใช้ได้ดีแค่ไหน ใช้แล้วเมื่อยข้อมือหรือเปล่า ใช้แล้วมือด้านหรือเปล่า หรือใช้แล้วทำืงานได้ดีขึ้นหรือเปล่า เหล่านี้เองประจุดตัดสินของเม้าส์แต่ละตัว การได้ลองใ้ช้งาน ลองขยับ ลองคลิ๊ก ก่อนที่จะจ่ายตังซื้อเป็นเรื่องที่ควรทำไม่ใช่น้ิอย " ขอความสุขในการทำงานจงอยู่กับท่านและเม้าส์ของท่าน " เรื่องเม้าส์เ้ม้าส์ที่เอามาเม้าท์กันครั้งนี้ก็ไม่รู้จะเม้าท์อะไรแล้วหละครับ (หมดมุข - -" )เจอกันใหม่ครั้งหน้าครับ